33-ปกป้องรถของคุณให้ปลอดภัย

เจาะลึก! เครื่องฟอกอากาศในรถจําเป็นไหม? เลือกยี่ห้อไหนดี?

เครื่องฟอกอากาศในรถ จําเป็นไหม? ในปัจจุบันที่มลภาวะทางอากาศมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ การใช้เครื่องฟอกอากาศในรถกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ผู้ขับขี่หลายคนให้ความสนใจ แต่หลายคนยังสงสัยว่าเครื่องฟอกอากาศในรถนั้นจำเป็นไหม? และหากจำเป็น ควรเลือกใช้ยี่ห้อไหนดีถึงจะเหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด ในบทความนี้เราจะมาเจาะลึกทุกข้อมูลที่คุณควรรู้ รวมถึงเคล็ดลับในการดูแลรักษารถให้สะอาดสดชื่นอย่างมีประสิทธิภาพด้วย

เครื่องฟอกอากาศในรถ จําเป็นไหม?

1. ลดปัญหามลพิษและฝุ่นละออง PM 2.5

สภาพอากาศในเมืองใหญ่มีฝุ่นละอองและสารพิษปะปนอยู่มาก โดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 ที่สามารถเล็ดลอดเข้ามาในรถผ่านระบบแอร์ แม้คุณจะปิดกระจกรถอย่างแน่นหนาแล้วก็ตาม เครื่องฟอกอากาศรถยนต์สามารถช่วยดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็กและสารพิษเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้อากาศภายในรถสะอาดและปลอดภัยต่อการหายใจ

2. ขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์

การใช้งานรถยนต์ในระยะยาวอาจทำให้เกิดกลิ่นอับภายในห้องโดยสารจากการสะสมของฝุ่น คราบอาหาร หรือแม้แต่กลิ่นจากสัตว์เลี้ยง เครื่องฟอกอากาศรถยนต์ที่มีฟังก์ชันการกำจัดกลิ่นจะช่วยให้ภายในรถของคุณมีกลิ่นสดชื่นอยู่เสมอ

3. กำจัดเชื้อโรคและสารก่อภูมิแพ้

หากคุณหรือผู้โดยสารมีอาการแพ้ฝุ่นละอองหรือโรคระบบทางเดินหายใจ เครื่องฟอกอากาศในรถที่มีฟิลเตอร์ HEPA หรือเทคโนโลยีการกำจัดเชื้อโรค เช่น UV-C จะช่วยลดสารก่อภูมิแพ้และเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ ทำให้บรรยากาศภายในรถสะอาดและปลอดภัยมากขึ้น

ความแตกต่างของเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์แต่ละประเภท

เมื่อพูดถึงเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ (Car Air Purifiers) หลายคนอาจไม่ทราบว่าเครื่องเหล่านี้มีหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็มีฟังก์ชันและประสิทธิภาพในการทำงานที่แตกต่างกัน การเลือกใช้เครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสมกับความต้องการและสภาพแวดล้อมภายในรถจึงเป็นสิ่งสำคัญ ในส่วนนี้เราจะมาเจาะลึกถึงประเภทของเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ที่พบได้ในท้องตลาด และแนะนำวิธีการเลือกใช้ให้เหมาะสมกับรถของคุณ

1. เครื่องฟอกอากาศรถยนต์แบบ HEPA Filter

คุณสมบัติ:
HEPA (High Efficiency Particulate Air) Filter เป็นเครื่องฟอกอากาศรถยนต์ที่ได้รับความนิยมสูง เพราะสามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ถึง 0.3 ไมครอน รวมถึงฝุ่น PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังช่วยกรองละอองเกสรดอกไม้ สารก่อภูมิแพ้ และแบคทีเรียต่าง ๆ ได้ดี

ข้อดี:

  • กรองฝุ่นขนาดเล็กได้ละเอียด
  • ช่วยขจัดสารก่อภูมิแพ้และแบคทีเรีย
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการแพ้ฝุ่นหรือต้องการป้องกันฝุ่น PM2.5

ข้อเสีย:

  • อาจต้องเปลี่ยนฟิลเตอร์บ่อยเพื่อรักษาประสิทธิภาพ
  • ราคาเครื่องฟอกอากาศและฟิลเตอร์ค่อนข้างสูง

เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ขับรถในเมืองที่มีปัญหาฝุ่นละอองหรือมีผู้โดยสารที่เป็นโรคภูมิแพ้

2. เครื่องฟอกอากาศรถยนต์แบบ Ionizer

คุณสมบัติ:
เครื่องฟอกอากาศในรถแบบ Ionizer หรือที่เรียกว่าเครื่องปล่อยประจุลบ จะปล่อยประจุไอออนลบออกมาเพื่อจับตัวกับฝุ่นละอองในอากาศให้ตกลงพื้น ซึ่งจะช่วยลดฝุ่นและกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ดี

ข้อดี:

  • กำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในรถได้รวดเร็ว
  • ประสิทธิภาพดีในการลดควันบุหรี่และกลิ่นอับ
  • ไม่ต้องใช้ฟิลเตอร์ จึงไม่ต้องเปลี่ยนฟิลเตอร์บ่อย

ข้อเสีย:

  • ประสิทธิภาพการกรองฝุ่นละเอียดไม่เท่า HEPA Filter
  • อาจเกิดโอโซนเล็กน้อยในกระบวนการทำงาน ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาว

เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ เช่น ควันบุหรี่ หรือกลิ่นอาหารที่สะสมในรถ

3. เครื่องฟอกอากาศรถยนต์แบบ Active Carbon Filter

คุณสมบัติ:
Active Carbon Filter หรือ ฟิลเตอร์คาร์บอน มีความสามารถในการดูดซับกลิ่นและสารเคมีในอากาศได้ดี เช่น กลิ่นควันบุหรี่ กลิ่นอาหาร และกลิ่นอับที่เกิดจากความชื้น

ข้อดี:

  • มีประสิทธิภาพสูงในการขจัดกลิ่นและสารระเหยในอากาศ
  • ไม่ก่อให้เกิดโอโซนในกระบวนการฟอกอากาศ
  • ราคาย่อมเยากว่า HEPA Filter

ข้อเสีย:

  • ไม่สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ดีเท่ากับ HEPA Filter
  • ฟิลเตอร์อาจต้องเปลี่ยนบ่อยหากใช้งานในพื้นที่ที่มีกลิ่นแรง

เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในรถเป็นหลัก

4. เครื่องฟอกอากาศรถยนต์แบบ UV-C Light

คุณสมบัติ:
เครื่องฟอกอากาศในรถแบบ UV-C Light ใช้แสงอัลตราไวโอเลตเพื่อฆ่าเชื้อโรค แบคทีเรีย และไวรัสที่อยู่ในอากาศได้ดี โดยไม่ต้องใช้ฟิลเตอร์

ข้อดี:

  • ประสิทธิภาพสูงในการฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรีย
  • ไม่ต้องเปลี่ยนฟิลเตอร์ ลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา
  • ช่วยทำให้อากาศภายในรถปลอดเชื้อและสดชื่นขึ้น

ข้อเสีย:

  • อาจไม่สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ดีเท่ากับเครื่องที่มี HEPA Filter
  • ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับเครื่องประเภทอื่น

เหมาะสำหรับ: ผู้ที่กังวลเรื่องการสะสมของเชื้อโรคในรถ เช่น ครอบครัวที่มีเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุ

5. เครื่องฟอกอากาศรถยนต์แบบ Hybrid

คุณสมบัติ:
เครื่องฟอกอากาศในรถแบบ Hybrid คือการรวมคุณสมบัติของ HEPA Filter, Active Carbon Filter, และ Ionizer เข้าไว้ด้วยกัน ทำให้มีประสิทธิภาพในการกรองฝุ่นละออง ดูดซับกลิ่น และฆ่าเชื้อโรคในเครื่องเดียว

ข้อดี:

  • รวมข้อดีของเครื่องฟอกอากาศหลายประเภทในเครื่องเดียว
  • กรองฝุ่นละออง กลิ่น และเชื้อโรคได้ครบถ้วน
  • คุ้มค่าเมื่อใช้งานในระยะยาว

ข้อเสีย:

  • ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับเครื่องประเภทเดี่ยว
  • อาจต้องดูแลรักษาหลายส่วนพร้อมกัน เช่น ฟิลเตอร์และตัวปล่อยประจุ

เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพในการฟอกอากาศครบทุกด้านและต้องการความสะดวกในการใช้งาน

วิธีเลือกเครื่องฟอกอากาศในรถ ยี่ห้อไหนดี?

การเลือกเครื่องฟอกอากาศในรถที่เหมาะสมนั้น ควรพิจารณาตามปัจจัยต่อไปนี้

  1. ขนาดและกำลังการฟอกอากาศ
    • ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีขนาดและกำลังการทำงานที่เหมาะสมกับขนาดของรถยนต์ หากคุณใช้รถเก๋งขนาดเล็ก อาจเลือกเครื่องที่มีขนาดกะทัดรัดและพกพาสะดวก แต่หากใช้รถ SUV หรือรถตู้ ควรเลือกเครื่องที่มีกำลังการฟอกอากาศสูงกว่า
  2. ฟิลเตอร์คุณภาพสูง
    • หากขับรถในเมืองที่มีฝุ่นและมลพิษสูง ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มี ฟิลเตอร์ HEPA ซึ่งสามารถดักจับฝุ่นขนาดเล็กระดับ PM2.5 ได้ รวมถึงควรมีฟิลเตอร์คาร์บอนเพื่อช่วยกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์
  3. เทคโนโลยีเสริม
    • เครื่องฟอกอากาศบางรุ่นมาพร้อมเทคโนโลยีเสริม เช่น UV-C Light ที่ช่วยฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรีย หรือ Ionizer ที่ปล่อยประจุลบเพื่อดักจับฝุ่นละอองในอากาศ
  4. ความสะดวกในการใช้งานและการดูแลรักษา
    • เลือกเครื่องฟอกอากาศรถยนต์ที่ใช้งานง่าย ไม่ต้องการการบำรุงรักษามาก รวมถึงสามารถเปลี่ยนฟิลเตอร์ได้สะดวก

แนะนำ 3 เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี?

  1. Sharp IG-GC2B
    • ใช้เทคโนโลยี Plasmacluster ที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดฝุ่น PM2.5 และกลิ่นอับชื้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะอาดสูงสุดในรถยนต์
  2. Philips GoPure GP5212
    • มาพร้อมฟิลเตอร์ HEPA และฟิลเตอร์คาร์บอน ดูดซับสารก่อภูมิแพ้และกลิ่นได้ดี ใช้งานง่ายและมีขนาดกะทัดรัด
  3. Xiaomi Car Air Purifier Pro
    • สามารถกรอกฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า PM2.5 ได้ ปรับระดับการฟอกอากาศได้ตามความต้องการและมีดีไซน์ที่ทันสมัย

เคล็ดลับการดูแลความสะอาดภายในรถเพิ่มเติม

นอกจากการใช้เครื่องฟอกอากาศรถยนต์แล้ว การรักษาความสะอาดภายในรถยังเป็นเรื่องสำคัญ เรามีเทคนิคง่าย ๆ ในการทำความสะอาดรถให้คุณลองทำตาม

  1. ใช้เครื่องดูดฝุ่นที่มีกำลังสูง
    • ควรใช้เครื่องดูดฝุ่นเพื่อทำความสะอาดเบาะรถ พรม และซอกต่าง ๆ ที่เข้าถึงยาก เพื่อกำจัดฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกที่อาจสะสมอยู่
  2. เช็ดทำความสะอาดคอนโซลและแผงประตู
    • ใช้น้ำยาทำความสะอาดที่อ่อนโยนและผ้าสะอาดในการเช็ดคอนโซลและแผงประตู เพื่อป้องกันการสะสมของฝุ่นและคราบสกปรก
  3. ทำความสะอาดเบาะนั่ง
    • หากเบาะเป็นหนัง ควรใช้น้ำยาทำความสะอาดหนังโดยเฉพาะเพื่อป้องกันการแตกร้าว หากเป็นเบาะผ้า ควรใช้น้ำยาขจัดคราบและเครื่องดูดฝุ่นเพื่อความสะอาด

การใช้เครื่องฟอกอากาศในรถถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในการดูแลสุขภาพของคุณและคนที่คุณรัก โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันที่อากาศภายนอกมีมลภาวะสูง เครื่องฟอกอากาศรถยนต์จะช่วยปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในรถให้สะอาด ปลอดโปร่ง และสดชื่นขึ้นได้

และสำหรับใครที่กำลังมองหารถยนต์มือสองสภาพดีที่พร้อมใช้งาน ที่ CarEX เรามีรถยนต์มือสองหลากหลายรุ่นที่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพอย่างละเอียดมาให้เลือกสรร พร้อมคำแนะนำในการดูแลรักษาและติดตั้งเครื่องฟอกอากาศรถยนต์ให้เหมาะสมกับรถของคุณ