เครื่องฟอกอากาศในรถ จําเป็นไหม? ในปัจจุบันที่มลภาวะทางอากาศมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ การใช้เครื่องฟอกอากาศในรถกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ผู้ขับขี่หลายคนให้ความสนใจ แต่หลายคนยังสงสัยว่าเครื่องฟอกอากาศในรถนั้นจำเป็นไหม? และหากจำเป็น ควรเลือกใช้ยี่ห้อไหนดีถึงจะเหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด ในบทความนี้เราจะมาเจาะลึกทุกข้อมูลที่คุณควรรู้ รวมถึงเคล็ดลับในการดูแลรักษารถให้สะอาดสดชื่นอย่างมีประสิทธิภาพด้วย
เครื่องฟอกอากาศในรถ จําเป็นไหม?
1. ลดปัญหามลพิษและฝุ่นละออง PM 2.5
สภาพอากาศในเมืองใหญ่มีฝุ่นละอองและสารพิษปะปนอยู่มาก โดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 ที่สามารถเล็ดลอดเข้ามาในรถผ่านระบบแอร์ แม้คุณจะปิดกระจกรถอย่างแน่นหนาแล้วก็ตาม เครื่องฟอกอากาศรถยนต์สามารถช่วยดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็กและสารพิษเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้อากาศภายในรถสะอาดและปลอดภัยต่อการหายใจ
2. ขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์
การใช้งานรถยนต์ในระยะยาวอาจทำให้เกิดกลิ่นอับภายในห้องโดยสารจากการสะสมของฝุ่น คราบอาหาร หรือแม้แต่กลิ่นจากสัตว์เลี้ยง เครื่องฟอกอากาศรถยนต์ที่มีฟังก์ชันการกำจัดกลิ่นจะช่วยให้ภายในรถของคุณมีกลิ่นสดชื่นอยู่เสมอ
3. กำจัดเชื้อโรคและสารก่อภูมิแพ้
หากคุณหรือผู้โดยสารมีอาการแพ้ฝุ่นละอองหรือโรคระบบทางเดินหายใจ เครื่องฟอกอากาศในรถที่มีฟิลเตอร์ HEPA หรือเทคโนโลยีการกำจัดเชื้อโรค เช่น UV-C จะช่วยลดสารก่อภูมิแพ้และเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ ทำให้บรรยากาศภายในรถสะอาดและปลอดภัยมากขึ้น
ความแตกต่างของเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์แต่ละประเภท
เมื่อพูดถึงเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ (Car Air Purifiers) หลายคนอาจไม่ทราบว่าเครื่องเหล่านี้มีหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็มีฟังก์ชันและประสิทธิภาพในการทำงานที่แตกต่างกัน การเลือกใช้เครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสมกับความต้องการและสภาพแวดล้อมภายในรถจึงเป็นสิ่งสำคัญ ในส่วนนี้เราจะมาเจาะลึกถึงประเภทของเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ที่พบได้ในท้องตลาด และแนะนำวิธีการเลือกใช้ให้เหมาะสมกับรถของคุณ
1. เครื่องฟอกอากาศรถยนต์แบบ HEPA Filter
คุณสมบัติ:
HEPA (High Efficiency Particulate Air) Filter เป็นเครื่องฟอกอากาศรถยนต์ที่ได้รับความนิยมสูง เพราะสามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ถึง 0.3 ไมครอน รวมถึงฝุ่น PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังช่วยกรองละอองเกสรดอกไม้ สารก่อภูมิแพ้ และแบคทีเรียต่าง ๆ ได้ดี
ข้อดี:
- กรองฝุ่นขนาดเล็กได้ละเอียด
- ช่วยขจัดสารก่อภูมิแพ้และแบคทีเรีย
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการแพ้ฝุ่นหรือต้องการป้องกันฝุ่น PM2.5
ข้อเสีย:
- อาจต้องเปลี่ยนฟิลเตอร์บ่อยเพื่อรักษาประสิทธิภาพ
- ราคาเครื่องฟอกอากาศและฟิลเตอร์ค่อนข้างสูง
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ขับรถในเมืองที่มีปัญหาฝุ่นละอองหรือมีผู้โดยสารที่เป็นโรคภูมิแพ้
2. เครื่องฟอกอากาศรถยนต์แบบ Ionizer
คุณสมบัติ:
เครื่องฟอกอากาศในรถแบบ Ionizer หรือที่เรียกว่าเครื่องปล่อยประจุลบ จะปล่อยประจุไอออนลบออกมาเพื่อจับตัวกับฝุ่นละอองในอากาศให้ตกลงพื้น ซึ่งจะช่วยลดฝุ่นและกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ดี
ข้อดี:
- กำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในรถได้รวดเร็ว
- ประสิทธิภาพดีในการลดควันบุหรี่และกลิ่นอับ
- ไม่ต้องใช้ฟิลเตอร์ จึงไม่ต้องเปลี่ยนฟิลเตอร์บ่อย
ข้อเสีย:
- ประสิทธิภาพการกรองฝุ่นละเอียดไม่เท่า HEPA Filter
- อาจเกิดโอโซนเล็กน้อยในกระบวนการทำงาน ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาว
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ เช่น ควันบุหรี่ หรือกลิ่นอาหารที่สะสมในรถ
3. เครื่องฟอกอากาศรถยนต์แบบ Active Carbon Filter
คุณสมบัติ:
Active Carbon Filter หรือ ฟิลเตอร์คาร์บอน มีความสามารถในการดูดซับกลิ่นและสารเคมีในอากาศได้ดี เช่น กลิ่นควันบุหรี่ กลิ่นอาหาร และกลิ่นอับที่เกิดจากความชื้น
ข้อดี:
- มีประสิทธิภาพสูงในการขจัดกลิ่นและสารระเหยในอากาศ
- ไม่ก่อให้เกิดโอโซนในกระบวนการฟอกอากาศ
- ราคาย่อมเยากว่า HEPA Filter
ข้อเสีย:
- ไม่สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ดีเท่ากับ HEPA Filter
- ฟิลเตอร์อาจต้องเปลี่ยนบ่อยหากใช้งานในพื้นที่ที่มีกลิ่นแรง
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในรถเป็นหลัก
4. เครื่องฟอกอากาศรถยนต์แบบ UV-C Light
คุณสมบัติ:
เครื่องฟอกอากาศในรถแบบ UV-C Light ใช้แสงอัลตราไวโอเลตเพื่อฆ่าเชื้อโรค แบคทีเรีย และไวรัสที่อยู่ในอากาศได้ดี โดยไม่ต้องใช้ฟิลเตอร์
ข้อดี:
- ประสิทธิภาพสูงในการฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรีย
- ไม่ต้องเปลี่ยนฟิลเตอร์ ลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา
- ช่วยทำให้อากาศภายในรถปลอดเชื้อและสดชื่นขึ้น
ข้อเสีย:
- อาจไม่สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ดีเท่ากับเครื่องที่มี HEPA Filter
- ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับเครื่องประเภทอื่น
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่กังวลเรื่องการสะสมของเชื้อโรคในรถ เช่น ครอบครัวที่มีเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุ
5. เครื่องฟอกอากาศรถยนต์แบบ Hybrid
คุณสมบัติ:
เครื่องฟอกอากาศในรถแบบ Hybrid คือการรวมคุณสมบัติของ HEPA Filter, Active Carbon Filter, และ Ionizer เข้าไว้ด้วยกัน ทำให้มีประสิทธิภาพในการกรองฝุ่นละออง ดูดซับกลิ่น และฆ่าเชื้อโรคในเครื่องเดียว
ข้อดี:
- รวมข้อดีของเครื่องฟอกอากาศหลายประเภทในเครื่องเดียว
- กรองฝุ่นละออง กลิ่น และเชื้อโรคได้ครบถ้วน
- คุ้มค่าเมื่อใช้งานในระยะยาว
ข้อเสีย:
- ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับเครื่องประเภทเดี่ยว
- อาจต้องดูแลรักษาหลายส่วนพร้อมกัน เช่น ฟิลเตอร์และตัวปล่อยประจุ
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพในการฟอกอากาศครบทุกด้านและต้องการความสะดวกในการใช้งาน
วิธีเลือกเครื่องฟอกอากาศในรถ ยี่ห้อไหนดี?
การเลือกเครื่องฟอกอากาศในรถที่เหมาะสมนั้น ควรพิจารณาตามปัจจัยต่อไปนี้
- ขนาดและกำลังการฟอกอากาศ
- ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีขนาดและกำลังการทำงานที่เหมาะสมกับขนาดของรถยนต์ หากคุณใช้รถเก๋งขนาดเล็ก อาจเลือกเครื่องที่มีขนาดกะทัดรัดและพกพาสะดวก แต่หากใช้รถ SUV หรือรถตู้ ควรเลือกเครื่องที่มีกำลังการฟอกอากาศสูงกว่า
- ฟิลเตอร์คุณภาพสูง
- หากขับรถในเมืองที่มีฝุ่นและมลพิษสูง ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มี ฟิลเตอร์ HEPA ซึ่งสามารถดักจับฝุ่นขนาดเล็กระดับ PM2.5 ได้ รวมถึงควรมีฟิลเตอร์คาร์บอนเพื่อช่วยกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์
- เทคโนโลยีเสริม
- เครื่องฟอกอากาศบางรุ่นมาพร้อมเทคโนโลยีเสริม เช่น UV-C Light ที่ช่วยฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรีย หรือ Ionizer ที่ปล่อยประจุลบเพื่อดักจับฝุ่นละอองในอากาศ
- ความสะดวกในการใช้งานและการดูแลรักษา
- เลือกเครื่องฟอกอากาศรถยนต์ที่ใช้งานง่าย ไม่ต้องการการบำรุงรักษามาก รวมถึงสามารถเปลี่ยนฟิลเตอร์ได้สะดวก
แนะนำ 3 เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี?
- Sharp IG-GC2B
- ใช้เทคโนโลยี Plasmacluster ที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดฝุ่น PM2.5 และกลิ่นอับชื้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะอาดสูงสุดในรถยนต์
- Philips GoPure GP5212
- มาพร้อมฟิลเตอร์ HEPA และฟิลเตอร์คาร์บอน ดูดซับสารก่อภูมิแพ้และกลิ่นได้ดี ใช้งานง่ายและมีขนาดกะทัดรัด
- Xiaomi Car Air Purifier Pro
- สามารถกรอกฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า PM2.5 ได้ ปรับระดับการฟอกอากาศได้ตามความต้องการและมีดีไซน์ที่ทันสมัย
เคล็ดลับการดูแลความสะอาดภายในรถเพิ่มเติม
นอกจากการใช้เครื่องฟอกอากาศรถยนต์แล้ว การรักษาความสะอาดภายในรถยังเป็นเรื่องสำคัญ เรามีเทคนิคง่าย ๆ ในการทำความสะอาดรถให้คุณลองทำตาม
- ใช้เครื่องดูดฝุ่นที่มีกำลังสูง
- ควรใช้เครื่องดูดฝุ่นเพื่อทำความสะอาดเบาะรถ พรม และซอกต่าง ๆ ที่เข้าถึงยาก เพื่อกำจัดฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกที่อาจสะสมอยู่
- เช็ดทำความสะอาดคอนโซลและแผงประตู
- ใช้น้ำยาทำความสะอาดที่อ่อนโยนและผ้าสะอาดในการเช็ดคอนโซลและแผงประตู เพื่อป้องกันการสะสมของฝุ่นและคราบสกปรก
- ทำความสะอาดเบาะนั่ง
- หากเบาะเป็นหนัง ควรใช้น้ำยาทำความสะอาดหนังโดยเฉพาะเพื่อป้องกันการแตกร้าว หากเป็นเบาะผ้า ควรใช้น้ำยาขจัดคราบและเครื่องดูดฝุ่นเพื่อความสะอาด
การใช้เครื่องฟอกอากาศในรถถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในการดูแลสุขภาพของคุณและคนที่คุณรัก โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันที่อากาศภายนอกมีมลภาวะสูง เครื่องฟอกอากาศรถยนต์จะช่วยปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในรถให้สะอาด ปลอดโปร่ง และสดชื่นขึ้นได้
และสำหรับใครที่กำลังมองหารถยนต์มือสองสภาพดีที่พร้อมใช้งาน ที่ CarEX เรามีรถยนต์มือสองหลากหลายรุ่นที่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพอย่างละเอียดมาให้เลือกสรร พร้อมคำแนะนำในการดูแลรักษาและติดตั้งเครื่องฟอกอากาศรถยนต์ให้เหมาะสมกับรถของคุณ